Tomb Raider โดยผู้กับกับ รอร์ อูธัก มีทุนสร้างภาพยนตร์ ที่สูงมากถึง เก้าสิบสี่ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

Tomb Raider เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ มาแล้วถึงสองภาคด้วยกัน ตั้งแต่เมื่อปี 2001 และปี 2003 โดยนักแสดงหญิง ซุปเปอร์สตาร์แห่งวงการฮอลลีวูดอย่าง แองเจลิน่า โจลี่ มารับบทเป็นตัวเอกในตอนนั้น ซึ่งก็เป็นภาพยนตร์ ที่เป็นกระแสโด่งดัง และได้รับความนิยม เป็นอย่างสูง ในภาคแรก แต่ในภาคที่สอง ความนิยมกลับได้รับน้อยลง

แต่ถึงอย่างไร ก็ยังมีการพัฒนาเกมส์ ที่เกี่ยวกับ ทูมไรเดอร์ ขึ้นมาเพิ่มขึ้นอีก แถมยังได้รับความนิยม เป็นอย่างมากซะด้วย ซึ่งในการกลับมาครั้งนี้ ในรูปแบบของภาพยนตร์ จะเป็นการนำมารีเมก ตัวละครใหม่ทั้งหมด

โดยผู้ที่จะมาสานต่อตำนาน อย่าง ลาร่า ครอฟท์ ก็คือนางเอกสาวตัวเล็ก สุดเซ็กซี่ อย่าง อลิเซีย วิกันเดอร์ ที่เคยได้รับรางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม มาแล้ว

โดยเค้าโครงเรื่องของภาคนี้ จะเน้นไปที่การดัดแปลง และถอดแบบเนื้อเรื่อง มาจากเกมส์ Tomb Raider ที่สร้างเมื่อปี 2013 และปี 2015 มาเป็นคอนเทนต์หลัก

ซึ่งฉากแอคชั่น ระหว่างตัวภาพยนตร์ กับตัวเกมส์ ทำออกมาเรียกได้ว่า ถูกใจสำหรับคอเกมส์ทั้งหลายแน่ ๆ ทั้งฉากแอคชั่น ต่อสู้ หลบหนี ซึ่งถึงแม้เนื้อเรื่องหลัก ๆ จะดัดแปลง มาจากตัวเกมส์เป็นส่วนใหญ่

แต่ก็ยังมีเนื้อหาบางส่วน ที่เปลี่ยนไปจากตัวเกมส์ เป็นคนละเรื่องเลยเหมือนกัน และยังเพิ่มบทบางอย่าง ที่อยู่นอกเหนือจากตัวเกมส์ เข้ามาอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นหนึ่งอีกอย่าง ที่ช่วยเพิ่มความน่าติดตาม และไม่น่าเบื่อ ได้ในระดับหนึ่ง

เรื่องราวของภาพยนตร์ จะเป็นการปูเนื้อเรื่องใหม่ทั้งหมด และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด เพื่อพัฒนาให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ กลายมาเป็นแฟรนไชส์ หนังผจญภัยอีกเรื่อง หากใครที่จะยังไม่เคยเล่นเกมส์นี้มาก่อน ก็ยังสามารถดู และเข้าใจได้เหมือนกัน

โดยเรื่องราวในภาคนี้ จะเล่าเรื่องถึงความเป็นมา ของตัว ลาร่า ครอฟท์ (รับบทโดย อลิเซีย วิกันเดอร์) ลูกสาวของมหาเศรษฐี และนักวิจัยโบราณคดีชื่อดังอย่าง ลอร์ด ริชาร์ด ครอฟท์ (รับบทโดย โดมินิค เวสต์) ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ตั้งแต่เมื่อเธอยังเป็นเด็ก

ซึ่งถึงแม้ว่าเธอ จะเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ของมหาเศรษฐี แต่เธอก็เลือกที่จะเดิน ในเส้นทางที่เธอเลือกเอง ด้วยการขับจักรยาน ส่งของหาเงิน และการชกมวย เธอปฏิเสธที่จะเซ็นเอกสาร เพื่อรับมรดกทั้งหมด จากพ่อของเธอ ด้วยความเชื่อลึก ๆ ว่าพ่อของเธอนั้น ยังคงมีชีวิตอยู่

ด้วยความเชื่อ และความหวังเล็ก ๆ นั้นเองก็ทำให้เธอพยายาม ที่จะหาหลักฐาน และไขปริศนา การหายตัวไปของพ่อ เธอได้พบหลักฐาน เกี่ยวกับโปรเจคฮิมิโกะ ที่พ่อของเธอเป็นเจ้าของ มันเป็นก็เบาะแสสำคัญ และแรงผลักดัน

ที่จะสามารถทำให้เธอ ออกตามหาพ่อของเธอให้เจอให้ได้ ซึ่งที่นั้นก็คือสุสานฝังศพ ของจักรพรรดินีฮิมิโกะ ในตำนาน ที่เกาะยามาไท ที่สุดท้ายที่พ่อของเธอหายตัวไป

แต่การจะไปที่เกาะแห่งนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอจึงได้เดินทางไปหา ลูเรน (รับบทโดย เดเนียล วู) กลาสีเรือ ที่จะช่วยนำทางเธอ ไปยังเกาะยามาไท ซึ่งที่เกาะนั้นเอง จะนำมาเธอไปยังการผจญภัยครั้งใหม่ ที่น่าเหลือเชื่อ และน่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิตเธอ

Tomb Raider ตัวของภาพยนตร์ในภาคนี้ เรียกได้ว่ายังคงไว้ซึ่ง รูปแบบ พร็อตเรื่อง ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับ การเป็นหนังสมัยก่อน

ที่ยังจะจำเจ และไม่มีความซับซ้อน โดยหากจะพูดว่าตกยุคไปแล้ว สำหรับการเป็นหนังแนวผจญภัย ก็คงไม่ผิดแปลกอะไร ซึ่งเหตุผลนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหลัก ที่ทำให้คะแนน ของนักวิจารณ์ออกมาไม่ดีนัก

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำได้ดี และพัฒนาต่างจาก ทูมไรเดอร์ ไรภาคก่อน ๆ เลย ก็คือเรื่องการพัฒนา และมิติความรู้สึก ของตัวละครหลักอย่าง ลาร่า ครอฟท์ ที่สามารถทำให้เราเชื่อ ในลักษณะของความเป็นมนุษย์จริง ๆ

การที่ตัวละคร มีทั้งอารมณ์ความหวาดกลัว ความอ่อนแอ อ่อนไหว การบาดเจ็บ หรืออะไรต่าง ๆ ที่ดูคล้ายกับเป็นตัวละครที่ มีความเป็นมนุษย์ การพยายามเล่นเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ที่มีออกมาให้เห็น ซึ่งในภาคนี้ก็สามารถทำได้ดี และมีมิติ มากกว่าภาคก่อน รวมทั้งในเกมส์ด้วย

เหมือนเป็นการปูปูมหลังและวางรากฐาน ของตัวละคร เพื่อให้การเปิดจักรวาลของ ทูมไรเดอร์ ครั้งนี้ เป็นไปอย่างมั่นคงมากที่สุด ตัวของ ลาร่า เอง ก็ค่อย ๆ พัฒนาไปตามเนื้อเรื่อง จากอ่อนแอ ค่อย ๆ กลายเป็นแข็งแกร่ง ด้วยตัวบทเอง

แต่ก็มีหลาย ๆ ครั้ง ที่เกิดความ ไม่สมเหตุสมผล ขึ้นในหลาย ๆ เรื่อง อย่างเช่นความสามารถ ของตัวนางเอก ที่ตอนแรกก็เสนอออกมาว่า สามารถต่อมวยได้ ปั่นจักรยานเก่ง แต่เมื่ออยู่ที่เกาะแล้ว กลับมีความสามารถหลาย ๆ อย่าง ทั้งการปีนเขา โดดร่ม ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ปูเนื้อเรื่องอะไรด้านนี้ มาก่อนเลย

รวมถึงฉากต่าง ๆ ที่ตัวนางเอกดูจะเก่ง และมีความสามารถ มากจนเกินไป จนให้ความรู้สึกว่า มันไม่สมจริงเลย และนอกจากนางเองแล้ว ตัวละครต่าง ๆ ในหนังเรื่องนี้ นั้นเป็นอะไรที่ไม่มีความน่าจดจำเลย จากบทที่ไร้มิติ

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่น ของภาพยนตร์เรื่องนี้เลย ก็คืองานด้าน ฉาก และการใช้ CG ในการออกแบบ ที่สามารถทำออกมาได้อย่างอลังการงานสร้าง เลยทีเดียว รวมทั้งการที่ได้นักแสดงอย่าง อลิเซีย วิกันเดอร์ มาเป็นนักแสดงหลัก

ก็ถือว่าเป็นอีกจุดที่ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถฉีกแบบออกมากจากภาคที่ แองเจลิน่า โจลี่ แสดงโดยสิ้นเชิง ด้วยรูปร่างที่แตกต่างกัน ก็สามารถสร้างความรู้สึก ที่แตกต่างกันได้

ซึ่งในภาคนี้นั้นตัวลาร่าเอง ให้ความรู้สึก เหมือนเป็นสาวตัวเล็ก บอบบาง สไตล์ลูกคุณหนู แต่ก็แฝงไปด้วยความฟิต และความแข็งแรง ซึ่งก็สามารถสร้างความสมจริง ได้มากกว่าภาคก่อน ๆ หนังไสยศาสตร์

สุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีจุดอ่อนอยู่ตรงที่ตัวบทของหนัง ที่ดูออกจะจำเจ และเดาทางง่ายไปหน่อย รวมทั้งความไม่สมเหตุสมผลในบางฉากแล้ว แต่ทางด้านของงานแสดง ด้วยตัวนักแสดงอย่าง อลิเซีย วิกันเดอร์ นั้น ก็สามารถแสดงได้ดี และน่าดึงดูดใจ

เป็นตัวเอกที่สามารถเอาหนังทั้งเรื่องอยู่ด้วยตัวคนเดียว ทั้งฉากบู๊ ฉากแอคชั่น วิ่งหนี ไล่ล่า สามารถทำให้คนดูลุ้นตามได้อยู่ตลอด นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่สร้างความบันเทิงให้กับคุณผู้ชมได้เป็นอย่างดี

สำหรับหนังแนวผจญภัย หากใครที่ชื่นชอบหนังแนวผจญภัย ล่าสมบัติ ไม่ควรที่จะพลาด เพราะฉากCGต่าง ๆ ถือว่าทำได้ดีมากจริง ๆ และภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ยังเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ ที่สร้างขึ้นมา จากการดัดแปลงเนื้อหาภายในเกมส์ บาคาร่า

และยังทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว โดยที่สามารถทำรายได้ไปมากถึง 274,650,803 ดอลลาร์สหรัฐ และด้วยรายได้ที่สูงขนาดนี้แล้ว จึงทำให้ทางผู้สร้าง จะมีการถ่ายทำภาคต่อภายในปี 2021 อีกด้วย